การส่งเสริมการใช้สีธรรมชาติ แทนการใช้สารเคมีย้อมผ้าไหม เพื่อสร้างคุณค่าและรู้จักใช้ประโยชน์ของทรัพยากรธรรมชาติ

     

       มนุษย์ได้เรียนรู้การนำสีจากวัสดุธรรมชาติมาใช้ในกิจกรรมต่างๆ มาตั้งแต่สมับโบราณ ทั้งการทาสีตามร่างกาย สีของภาชนะเครื่องปั้นดินเผา เครื่องใช้ ภาพวาด แม้กระทั่งสิ่งทอ เช่นเดียวกับคุณแม่นงเยาว์ ทรงวิชา เจ้าของศูนย์การเรียนรู้เรือนหัดทอ บ้านนาตัง อำเภอเขวาสินรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ ที่ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการย้อมผ้าด้วยสีธรรมชาติ เพื่อสร้างคุณค่าและรู้จักใช้ประโยชน์ของทรัพยากรธรรมชาติ จึงได้สร้างเป็นศูนย์การเรียนรู้ที่แห่งนี้ขึ้น เพื่อให้ผู้ที่สนใจได้เรียนรู้ที่จะอนุรักษ์ และปลูกต้นไม้ใช้ในการย้อมสี เพื่อการผลิตที่ยั่งยืน

     นางนงเยาว์ ทรงวิชา เจ้าของศูนย์การเรียนรู้เรือนหัดทอ บ้านนาตัง อำเภอเขวาสินรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ เล่าว่า ในการผลิตผ้าไหม สีธรรมชาติจำเป็นมาก แต่ต้องสั่งมาจากที่อื่นเนื่องจากในพื้นที่ มีไม่เพียงพอต่อการผลิต ส่งผลให้ผ้าไหมที่ย้อมด้วยสีธรรมชาติจึงมีต้นทุนที่สูงกว่าสีเคมี

     สำหรับการย้อมสีธรรมชาติ โดยส่วนใหญ่ได้มาจากส่วนต่าง ๆ ของพืช และสัตว์ เช่น ครั่ง เปลือกไม้ ใบไม้ เป็นต้น ซึ่งจะมีกรรมวิธีในการเตรียมน้ำย้อมสีและวิธีการย้อมสีที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับชนิดของพืชและส่วนที่นำมาใช้ในการย้อมสี โดยจะได้สีที่แตกต่างกันอออกไปขึ้นอยู่กับชิดของไม้ ตัวอย่างเช่น

- สีแดง ได้จาก รากยอ แก่นฝาง ลูกคำแสด เปลือกสมอ ครั่ง

         - สีคราม ได้จาก รากและใบของต้นคราม หรือต้นห้อม  

         - สีเหลือง ได้จาก แก่นแขหรือแก่นแกแล แก่นขนุน ต้นหม่อน ขมิ้น เปลือกไม้นมแมว

         - สีดำ ได้จาก ผลมะเกลือ ผลกระจาก ผลและเปลือกสมอ

     การปลูกไม้ย้อมสี เป็นอีกวิธีที่จะช่วยลดต้นทุนการผลิตผ้าไหม และลดการใช้สีเคมี สร้างอาชีพ สร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้น เพราะปัจจุบันคนกลับให้ความสนใจต่อความปลอดภัยและอันตรายของสารเคมีตกค้าง และหันมาใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มาจากวัสดุธรรมชาติเพิ่มมากขึ้น ถึงแม้จะมีราคาที่สูง แต่คุ้มค่า เป็นการตื่นตัวด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศ ไม่มีผลกระทบต่อผู้ผลิตและผู้บริโภค

จินดาพร คล้ายคลึง : รายงาน

 

 


image รูปภาพ
image
image
image

image วิดีโอ

Line

คะแนนโหวต :
StarStarStarStarStar